การวัดความดันโลหิตเป็นการวัดแรงดันของเลือดที่ไหลผ่านและกระทบกับผนังหลอดเลือดเป็นจังหวะ เป็นการวัดการทำงานของหัวใจ และแรงต้านส่วนปลายของหลอดเลือด มีการวัด 2 ค่า ได้แก่ ค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic Blood Pressure) คือ ค่าความดันโลหิตในหลอดเลือดที่เกิดขึ้นขณะที่หัวใจบีบตัว และ ค่าความดันโลหิตตัวล่าง (Diastolic Blood Pressure) คือ ค่าความดันของเลือดที่ขณะที่หัวใจคลายตัว มีหน่วยเป็น มิลลิเมตรปรอท (mmHg) ในประเทศไทยกำหนด ค่าความดันโลหิตปกติ คือ ค่าตัวบนไม่เกิน 140 และตัวล่างไม่เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท สำหรับความดันโลหิตสูงจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
- ระดับที่ 1 ตัวบนเกิน 140 มม.ปรอท หรือตัวล่างเกิน 90 มม.ปรอท
- ระดับที่ 2 ตัวบนเกิน 160 มม.ปรอท หรือตัวล่างเกิน 100 มม.ปรอท
- ระดับที่ 3 ตัวบนเกิน 180 มม.ปรอท หรือตัวล่างเกิน 110 มม.ปรอท
10 ขั้นตอนการวัดความดันโลหิต
- นั่งพักสงบนิ่ง ผ่อนคลาย หายใจเข้าออกลึกๆ อย่างน้อย 5 นาที
- วัดช่วงเช้าหลังจากตื่นนอน 1 ชั่วโมง เข้าห้องน้ำขับถ่ายให้เรียบร้อย อย่ากลั้นอุจจาระ ปัสสาวะขณะวัดความดัน วัดก่อนรับประทานอาหารเช้า และยาความดัน (กรณีที่ทานยาความดันเป็นประจำ)
- ห้ามวัดความดัน เมื่อเกิดอาการตึงเครียด, ออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆ, หลังรับประทานคาเฟอีน, เครื่องดื่มชูกำลัง,ดื่มอัลกอฮอลล์ หรือสูบบุหรี่ หากมีพฤติกรรมดังกล่าวให้ทิ้งช่วงอย่างน้อย 30 นาทีก่อนวัดความดัน เพราะจะทำให้ค่าผิดเพี้ยน
- นั่งผ่อนคลายตัวตรงบนเก้าอี้ วางเท้าราบกับพื้น ไม่ไขว่ห้าง หรือไขว้ขาบิดตัว
- คลายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ไม่มีเครื่องประดับรัดรึงเพื่อให้เลือดไหวเวียนสะดวก ถกแขนเสื้อขึ้นให้ผ้ารัดแขนสัมผัสเนื้อแขนโดยตรง
- วางแขนระดับเดียวกับหัวใจ อาจหาหมอน หรือที่รองแขนรองให้แขนขนานกับพื้น และไม่ยึดเกร็ง
- เริ่มวัดจากชีพจร โดยวางนิ้วชี้ และนิ้วกลางตรงกลางที่พับข้อศอก จับเวลานับอัตราการเต้นของหัวใจ
- พันผ้ารอบต้นแขน ขอบล่างของผ้าอยู่เหนือพับข้อศอก 2.5 เซนติเมตร
- กดปุ่ม start ที่เครื่องวัดความดัน (เครื่องวัดดิจิตอล) ปลอกแขนจะค่อยๆ รัดท่อนแขนจนแน่น สักพักจะค่อยคลายออกเองโดยอัตโนมัติ
- บันทึกค่าที่หน้าจอ หลังจากที่ผ้ารัดแขนคลายออกเรียบร้อยแล้ว จดบันทึกค่าที่แสดงหน้าจอ
กรณีที่มีกำหนดนัดพบแพทย์ รพ.จะมีเอกสารให้บันทึกค่าความดันไว้ล่วงหน้าประมาณ 7-10 วันแล้วแต่แพทย์สั่งเพื่อหาค่าเฉลี่ยความดันของร่างกาย
ความดันโลหิตสามารถสะท้อนความผิดปกติ และข้อบ่งชี้ในบางโรคที่เกี่ยวข้องได้ การวัดความดันที่บ้านต่อเนื่องกันทุกวัน วันละ 4 ครั้ง ทำให้ทราบค่าเฉลี่ยของความดันโลหิต ซึ่งดีกว่าการวัดครั้งเดียวที่โรงพยาบาลซึ่งพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยจะมีค่าความดันที่บ้านต่างจากที่โรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยโรค และประเมินการรักษาของแพทย์ที่แม่นยำมากขึ้น