อาถรรพ์แห่ง “นิวเปเล่” กับสตาร์นักเตะที่แบกรับฉายานักเตะตำนานแดนกาแฟ

อาถรรพ์แห่ง นิวเปเล่

“เปเล่” ชื่อนี้ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ยังไงก็ต้องคุ้นเคยกับตัวของเขาอย่างแน่นอน เพราะนี่คือสุดยอดตำนานดาวค้างฟ้าแห่งวงการลูกหนังที่เก่งกาจที่สุดอีกคนหนึ่งของโลก เขาเป็นยอดตำนานดาวเตะชาวบราซิลที่ฝากผลงานในการยิงประตูแตะหลักพันเอาไว้ และยังเป็นไอด้อลของเด็กๆที่คลั่งไคล้ในลูกหนังเป็นอย่างมาก เขาเป็นนักเตะหมายเลข 10 ที่ครบเครื่องและยังเป็นสตาร์ที่เคยผ่านการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองถึง 3 สมัยเลยทีเดียว !

การเลี้ยงบอล จ่ายบอล ยิงประตู สองเท้าที่คมกริบไม่แพ้กัน ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ ทำได้ทุกอย่างในการเป็นหมายเลข 10 มันเลยทำให้เขาคือราชันย์ลูกหนังที่เก่งกาจที่สุด มีผลงานที่ชัดเจนแจ่มแจ้งทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติเลยทีเดียว เสียดายแค่อย่างเดียวก็คือเขาไม่ได้ย้ายไปเล่นในลีกยุโรปเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ชัดราวกับ HD มากกว่าเดิม

แต่ว่าหลังจากที่เจ้าตัวไม่ได้เล่นบอลอาชีพแล้วนั้น มันก็คือช่วงเวลาที่วงการฟุตบอลบราซิล จะต้องมาตามหากันแล้วล่ะว่า ใครจะเป็น “เปเล่คนใหม่” ที่จะขึ้นมาเขย่าวงการลูกหนังโลก และของทีมชาติบราซิลอีก การจะเป็นนักเตะระดับท๊อปแบบที่เปเล่เป็นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ และวันนี้ เราจะมาดูกันเลยว่าเหล่า “นิวเปเล่” ที่เป็นนักเตะสัญชาติบราซิลนั้นพวกเขาเป็นใครกันบ้าง และชีวิตหลังจากที่ได้รับการยกย่องว่าอาจจะเป็นเปเล่คนใหม่นั้น พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง เราจะมาติดตามชมกันต่อได้เลย

ซิโก้

ซิโก้ เป็นนักเตะที่เล่นในสไตล์หมายเลข 10 มีความเป็นเบอร์ 10 อย่างแท้จริงเลยทีเดียว ทั้งการเลี้ยงบอลเข้าไปยิง ใช้เท้าสองข้างเนียนตาไม่แพ้กัน จ่ายบอลคมกริบทั้งในจังหวะพาสบอลธรรมดาๆ หรือจังหวะคิลเลอร์พาส มีการยิงประตูที่เด็ดขาดทั้งลูกนิ่งและการยิง Open Play เรียกว่าครบเครื่อง แต่สิ่งที่ต่างจาก เปเล่ นิดหน่อยก็คือการยืนตำแหน่ง เพราะ ซิโก้ เล่นในตำแหน่งที่ยืนต่ำกว่าเปเล่พอสมควร (ในไลน์หน้าต่ำและมิดฟิลด์ตัวรุก)

สำหรับตัวของ ซิโก้ จัดว่าเป็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องอย่างมากว่าในช่วงเวลาที่เขาเริมมีชื่อเสียง จะเป็นนักเตะที่สามารถก้าวขึ้นมาสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับ เปเล่ แถมยังได้รับฉายาว่าเป็น “เปเล่ขาว” อีกด้วย
เพราะความที่เจ้าตัวมีสไตล์การเล่นที่คล้ายกับ เปเล่ เป็นนักเตะที่โปรดปรานการใส่เสื้อหมายเลข 10 แต่ผิวขาว ต่างจากเปเล่ที่เป็นคนผิวสี เรื่องลีลาการเล่นนั้นเหลือร้ายสุดๆ เขาคือจอมทัพของสโมสร ฟลาเมงโก้ และเป็นนักเตะที่ใส่เสื้อหมายเลข 10 ลงเล่นในฟุตบอลโลก 1982 กับ 1986 (ในปี 1978 เขาใส่เสื้อหมายเลข 8 ลงเล่น)

อันที่จริงนั้น ซิโก้ มีทุกอย่างที่สามารถเป็นนักเตะที่เลื่อนชั้นมาเทียบเคียงกับ เปเล่ ได้อย่างสบายๆเลย ฝีเท้า ความสามารถ ความอัจฉริยะ แถมยังกล้าไปเล่นในลีกยุโรปอย่าง เซเรียอาที่ได้ชื่อว่าเป็นลีกที่หินที่สุด แต่ยังยิงได้มากถึง 19 ประตู เป็นรองเพียง มิเชล พลาตินี ที่ยิงไป 20 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลแรกของ ซิโก้ ที่ลงเล่นให้กับ อูดิเนเซ่

แต่ว่าขึ้นชื่อเรื่องเป็นชาติแรกที่ได้แชมป์โลก 3 สมัย มันเลยทำให้แฟนบอลคาดหวังอย่างมากว่า ซิโก้ จะสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้เพื่อตอกย้ำความสำเร็จที่ว่า ซิโก้ จะกลายเป็นนักเตะที่เหนือกว่า เปเล่ แต่ทว่าจากการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 3 สมัยนั้น ซิโก้ เต็มที่ก็ได้แค่การคว้าอันดับ 3 มาครองในฟุตบอลโลก 1978 เท่านั้น และนอกเหนือจากนั้น พวกเขาตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเรียบวุธเลยทีเดียว เราจึงสรุปได้ว่าในแง่ของฝีเท้าและความสำเร็จระดับสโมสร ซิโก้ สามารถเทียบชั้นเปเล่ได้สบายๆ แต่เขาไม่สำเร็จในการคว้าแชมป์ระดับทีมชาติก็เท่านั้นเอง

โรนัลโด้ นาซาริโอ

โรนัลโด้ นาซาริโอ

ถ้าหากเป็นนักเตะรายนี้ น่าจะเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่สามารถสร้างชื่อขึ้นมาจนกลายเป็นนิวเปเล่ที่ใกล้เคียงที่สุดแล้ว เพราะถ้าหากว่า เปเล่ ได้แชมป์โลกไปครองถึง 3 สมัย แต่ตัวของ โรนัลโด้ ก็ได้แชมป์โลกไปครองถึง 2 สมัย (และได้รองแชมป์โลกอีก 1 ครั้ง) ยิงประตูได้มากมายในสโมสรและทีมชาติ ก็นับว่าเป็นโคตรนักเตะที่เก่งที่สุดเช่นกัน

โรนัลโด้ คือนักเตะที่ไปค้าแข้งในลีกยุโรปตั้งแต่อายุยังน้อย เขาพิสูจน์ตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมกับทุกทีมที่เขาลงเล่นให้ ทั้งกับทีม PSV , บาร์เซโลนา , อินเตอร์ มิลาน , เรอัล มาดริด และสุดท้ายก็คือ เอซี มิลาน เขายิงได้เป็นกอบเป็นกำ คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลาลีกา 2 สมัย มีบัลลงดอร์ครอง 2 ครั้ง ได้แชมป์ลาลีการ่วมกับ เรอัล มาดริด และแชมป์ฟุตบอลถ้วยมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ เปเล่ ไม่เคยสัมผัส

กล่าวกันว่าถ้าตัวของ โรนัลโด้ ไม่มีอาการบาดเจ็บหัวเข่ารบกวนล่ะก็ เขาอาจจะไปไกลกว่า เปเล่ และน่าจะกลายเป็นโคตรนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้ เสียอย่างเดียว โรนัลโด้ มีภาพลักษณ์ในการใส่เสื้อหมายเลข 9 มากกว่า ไม่ได้ใช้เสื้อเบอร์ 10 เป็นเอกลักษณ์แบบที่ เปเล่ ใช้มันมาตลอด

โรมาริโอ

ตอนแรกนั้นตัวของ โรมาริโอ อาจจะมีภูมิใจอยู่บ้างเช่นกันว่าเขาได้รับการยกย่องให้เป็น “เปเล่คนใหม่” แต่ไปมานั้น ด้วยความที่ปกติตัวของ โรมาริโอ ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยยอมใครเท่าไหร่ และเมื่อโดนคุณปู่ที่กลัวคนหลงลืมตัวเองอย่าง เปเล่ ออกมาแซะนักเตะไปทั่วที่ทำท่าว่าจะกลายเป็นเบอร์ 1 ของโลก ไม่เว้นกระทั่งตัวของ โรมาริโอ ที่ว่าถ้าหากตัวของ โรมาริโอ คิดที่จะขึ้นมาทาบทามตัวเขานั้น มันจะต้องคว้าแชมป์โลกให้ได้ 3 สมัยเหมือนที่เขาทำได้ และจะต้องยิงประตูให้ได้เป็นพันประตู และได้รับการรับรองจาก FIFA แบบที่เขาทำได้เท่านั้น ใช่แล้ว แค่พูดจาดูถูกขนาดนี้ คนที่ไม่เคยลงให้ใคร แถมอินดี้ตัวพ่อเลยอย่าง โรมาริโอ มีเหรอว่าเขาจะยอม เขาเลยตั้งแง่รังเกียจ เปเล่ และมองว่าเขาเป็นศัตรูที่ชาตินี้ไม่มีทางเผาผีกันแน่นอน

มาพูดถึงเรื่องการที่เจ้าตัวเคยถูกยกย่องให้เป็น เปเล่คนใหม่ กันบ้างดีกว่า ตัวของสไตรเกอร์รายนี้ เป็นนักเตะที่ครบเครื่องมากในการเป็นกองหน้า ทั้งการไปกับบอล การผ่านบอล การทำประตู การใช้จังหวะที่ไม่เปลือง แค่จังหวะแรกก็ซัดทีเดียวเป็นประตูแล้ว แถมยังคมมากในเขตโทษจนเขามีฉายาว่า “อัจฉริยะในกรอบเขตโทษ” ซึ่งได้รับการตั้งฉายานี้โดย โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานเทรนเนอร์และสุดยอดกองหน้าในตำนานชาวดัตช์ของบาร์เซโลนา

โรมาริโอ ปกตินั้นเขาโปรดปรานการใส่เสื้อหมายเลข 11 มากที่สุด แต่เมื่อเขามาอยู่กับ บาร์เซโลนา ตัวของครัฟฟ์ได้ให้เหตุผลว่า โรมาริโอ คือนักเตะที่ดีที่สุดในทีม เขาจึงเลือกที่จะมอบเสื้อหมายเลข 10 ที่เป็นสัญลักษณ์ของนักเตะที่ดีที่สุดให้กับ โรมาริโอ ซึ่งเขาก็รับมันไปใส่ด้วยความเต็มใจ แถมยังยิงประตูในลาลีกาฤดูกาลแรกของเขาได้ถึง 30 ประตู ได้แชมป์ลาลีกา และดาวยิงสูงสุดของลีกเลยทีเดียว

การใส่เสื้อหมายเลข 10 เล่นกองหน้า มันเลยทำให้เขาโดนเปรียบเทียบกับเปเล่มากขึ้น และโจทย์ต่อมาก็คือ การพาทีมชาติบราซิลที่ปราศจากแชมป์โลกมานาน 24 ปีแล้วคว้าแชมป์โลกมาครองให้ได้ โดยฟุตบอลโลก 1994 มันคือเวทีที่ โรมาริโอ แสดงผลงานได้สุดยอดจริงๆ เขายิงไป 5 ประตู เป็นรองดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ พาทีมคว้าแชมป์โลก 1994 มาครอง มันคือแชมป์โลกในรอบ 24 ปีของบราซิล และยังเป็นชาติแรกที่แชมป์โลกมาครองถึง 4 สมัย แต่ถึงกระนั้นแล้ว เขาก็ยังไม่คิดที่จะเอาตัวเองไปรับฉายาว่า “นิวเปเล่” เพราะเขาคงเกลียดขี้หน้าตำนานรายนี้อย่างมากแล้วจริงๆ

โรบินโญ

โรบินโญ

นี่คือนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็น “นิวเปเล่” ตั้งแต่ยังไม่ได้ย้ายไปเล่นในยุโรปด้วยซ้ำ เพราะด้วยรูปร่าง สีผิว แถมสไตล์การเล่นที่เป็นแนวบราซิเลียน สไตล์ แบบแท้ๆ มีลีลาแพรวพราว สับขาหลอกมันส์ เท้าไว ยิงคม เลี้ยงบอลติดเท้า และยังชอบใส่เสื้อหมายเลข 10 ด้วย ไม่พอ ! เขายังเป็นเด็กปั้นของสโมสร ซานโต๊ส ซึ่งเป็นทีมที่ เปเล่ เติบโตมาตั้งแต่เด็กยันวันที่กลายเป็นซูเปอร์สตาร์อีกด้วย

ตัวของโรบินโญ ใช้ชีวิตในฐานะ “นิวเปเล่” มานานตั้งแต่เด็ก แถมยังได้รับการชื่นชมจากปากของเปเล่ว่านี่คือทายาทลูกหนังของเขา แต่เจ้าตัวคงลืมไปว่า คำชมของเปเล่นี่แทบจะเป็นอาถรรพ์เลยทีเดียว เจิมคนไหน คนนั้นแทบจะไปไม่เป็น แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

หลังจากที่ โรบินโญ ย้ายไปเล่นในยุโรปเพื่อค้าแข้งกับทั้ง เรอัล มาดริด และรวมถึง เอซี มิลาน เขาก็ไม่เคยสำแดงเดชที่ยอดเยี่ยมออกมาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว การเล่นของเขามันทรงๆไม่พัฒนาไปไกลกว่าเดิม ซึ่งแม้ว่าเขาจะเคยคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัยกับ มาดริด และยังมีแชมป์เซเรียอากับ มิลาน แต่เมื่อวัดโดยรวมแล้ว เขาก็ไมได้เป็นนักเตะที่น่า “ว้าว” เท่าไหร่นักยามที่ย้ายมาเล่นในยุโรป

เนย์มาร์ จูเนียร์

ทริคการเล่นอันโดดเด่น ลีลาการเล่นที่แพรวพราว ยิงคมทั้งสองเท้า จ่ายบอลชัวร์ เลี้ยงบอลติดเท้า แถมยังมีนิสัยแอ๊กอาร์ตเรียกฟาล์ว ทำอะไรโอเวอร์จนเป็นที่หมั่นไส้ของแฟนบอลและนักเตะฝั่งตรงข้าม แต่กระนั้นแล้ว ก็ต้องยอมรับจริงๆว่า เนย์มาร์ คือนักเตะที่สุดยอดจริงๆ และนอกจากนี้ เขาเองก็เติบโตมากับทีมเยาวชนของ ซานโต๊ส อันเป็นทีมที่ เปเล่ เติบโตมาตั้งแต่เป็นนักเตะเยาวชนเช่นกัน แถมตัวของเปเล่ ยังให้ท้ายดาวเตะรุ่นหลานรายนี้อย่างเต็มที่

ในปัจจุบันนั้น เนย์มาร์ เป็นนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็น “หมายเลข 10 คนปัจจุบัน” ของทีมชาติบราซิล แถมยังเป็นกัปตันทีมชาติบราซิลอีกด้วย แต่มันก็น่าเสียดายที่ว่าจนถึงตอนนี้แล้ว เนย์มาร์ ที่ติดทีมชาติบราซิลมา 10 ปีแล้ว ผ่านการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมา 2 สมัย แต่เขายังไม่เคยได้แชมป์โลกกับทีมชาติบราซิลเลย มันช่างเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวด โดยเฉพาะในช่วงฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ เขาบาดเจ็บในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และไม่ได้ลงเล่นอีกเลย แถมทีมยังได้แค่อันดับ 4 เท่านั้น