เรื่องอื่นๆ

ธุรกิจธนาคารโดนดิสรัปชันจากอะไร ทำไมถึงต้องเร่งปรับตัว

ธุรกิจธนาคารโดนดิสรัปชันจากอะไร

อย่างที่หลายคนทราบดีว่าธุรกิจกลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบหนัก จากการเข้ามาของเทคโนโลยีทางการเงินต่าง ๆ เช่น Blockchain, AI และ Fintech เป็นต้น ทำให้วิชาชีพที่เคยนิยมในช่วงก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งอย่างคนทำงานแบงก์ ต้องเจอกับปัญหาตกงานจากการทยอยปิดสาขาของธนาคาร กลายเป็นว่าอาชีพมนุษย์ทองคำที่เคยได้รับโบนัส 8 เดือนเป็นแค่อดีตเท่านั้น เราจึงชวนมาดูว่าธนาคารเจอปัญหาอะไรบ้างถึงต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ Cryptocurrency – เหรียญคริปโตที่บางคนมองว่าไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากขาดการกำกับดูแลของภาครัฐทำให้มีชื่อเสียงด้านลบของธุรกิจมืด และเจอกับความผันผวนของราคา ซึ่งไม่เหมือนค่าเงินสกุลหลักมีการควบคุมเสถียรภาพในเรื่องของราคา ทำให้มูลค่าของเงินไม่เปลี่ยนแปลงนัก แต่รู้หรือไม่ว่าเหรียญคริปโตได้เข้ามาตอบโจทย์ผู้ต้องการโอนเงินระหว่างประเทศที่ไม่ต้องการเสียค่าธรรมเนียมสูง เหมือนกับการใช้บริการผ่านทางธนาคาร อีกทั้งผู้รับปลายทางไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตอนรับเงิน ผู้ที่ทำงานต่างประเทศหลายคนจึงเลือกใช้เหรียญ crypto ในการโอนเงินข้ามประเทศ แม้จะเผชิญความผันผวนของราคา แต่ก็มีความสะดวกไม่ต้องเปิดบัญชีธนาคารให้ยุ่งยากเพื่อรับฝากเงิน ใครก็ให้กู้ได้ – ตอนนี้หลายแอปพลิเคชั่นมีบริการทางการเงินให้กู้สินเชื่อ และขั้นตอนการขอกู้ง่ายอีกด้วย เช่น แอพ shopee ที่มีวงเงินสินเชื่อเงินด่วนสำหรับการซื้อสินค้า สินเชื่อกู้ของ Truemoney Wallet จากค่ายมือถือทรู หรือแอพสั่งซื้อสั่งอาหารต่างๆ ก็มีสวัสดิการเสนอสินเชื่อแก่เหล่าไรเดอร์ ซึ่งแอพเหล่านี้ได้เปรียบธนาคารที่ไม่มีข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าในมือว่าลูกค้ากลุ่มต่างๆ นิยมซื้อสินค้าชนิดใด ธนาคารรับรู้เพียงแต่ยอดเงินฝาก ทำให้แอปกลุ่ม non-bank มีข้อมูลของลูกค้าเชิงลึกรู้รายละเอียดว่าผู้ขอกู้มีรายได้เท่าไหร่ จึงคำนวณแนวโน้มการใช้จ่ายสินค้าในแต่ละเดือนของผู้ขอกู้ไม่ยาก แต่บางธนาคารก็ปรับตัวอย่าง SCB ซึ่งพัฒนาแอพ “Robinhood” …

ประโยชน์จากการดื่มโกโก้ธรรมชาติ

ประโยชน์จากการดื่มโกโก้ธรรมชาติ

เมื่อคิดจะเติมความพลังสร้างความกระปรี้กระเปร่าคนส่วนใหญ่คงปรี่เข้าหากาแฟชนิดต่างๆ ตามใจชอบ และหลายคนก็ดื่มมากกว่า 1 แก้วต่อวันจนเกินปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้ลองหันมาดื่มเครื่องดื่มประเภทโกโก้ในแบบธรรมชาติ เพราะในโกโก้มีสารธรรมชาติที่เป็นประโยชน์กับร่างกายมากมาย ดังจะกล่าวต่อไปนี้  โกโก้ให้อะไรกับร่างกายเราบ้าง ? เสริมผิวสวย โกโก้เป็นแหล่งสำคัญของพอลิฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ผิวเกิดริ้วรอยช้า ทำให้ผิวสวย แก่ช้า นอกจากนี้ สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ยังช่วยเสริมเซลล์ผิวให้แข็งแรงต้านแสงยูวี คนที่มีโอกาสทำงานกลางแจ้งบ่อย ๆ แนะนำให้รับประทาน  ลดความอ้วน สารพอลิฟีนอล (Polyphenols) ช่วยสร้างความร้อนกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย ลดความดันโลหิต ฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยกระตุ้นให้ผลิตไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ที่จะช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงได้  ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ด้วยเพราะสารทีโอโบรไมน์ และฟีนิลอะลานีน จะทำหน้าที่ขยายหลอดเลือด ลดไขมันเลวเพิ่มไขมันดี กระตุ้นการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ดี ทำให้หัวใจทำงานแข็งแรง นอกจากนี้สารธีโอโบรไมน์ยังออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทช่วยควบคุมการไอแบบฉับพลันได้ด้วยแต่จะมีผลในช่วงที่สารมีฤทธิ์เท่านั้น  ลดความเครียด ผ่อนคลาย หลับสบาย กรดอะมิโนจำเป็นชื่อทริปโตเฟน (Tryptophan) ที่ได้รับจากโกโก้จะได้รับการเปลี่ยนจากสมองเป็นสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผ่อนคลายและทำให้นอนหลับได้อย่างสงบสุขอีกด้วย สมองสดใสไกลอัลไซเมอร์ ด้วยพระเอกในผงโกโก้ธรรมชาติ คือ …

ร่างทรง ความเชื่อ ความศรัทธาหรือหลอกลวง

ร่างทรง ความเชื่อ ความศรัทธาหรือหลอกลวง

ทะลุร้อยล้านจนได้ กับหนังแนวความเชื่อ ความศรัทธาภายใต้วิกฤตโรคระบาดที่โรงหนังหลายแห่งยังไม่สามารถเปิดเต็มระบบได้ พร้อมกวาดรายได้และรางวัลจากต่างประเทศอีกด้วย โดยหนังเรื่อง ร่างทรง เป็นผลงานจากค่าย จีดีเอช โดยได้ผู้กับกำฝีมือดีอย่าง โต้ง บรรจง ปิสัณธนะกูล ร่วมกับโปรดิวเซอร์มือทองจากเกาหลี นา ฮง จิน ร่วมกันสร้างปรากฏการณ์หลอนกวาดรายได้ในประเทศทะลุร้อยล้านไปแล้ว ยังไม่นับรวมรายได้จากประเทศเกาหลีอีกกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นภาพยนต์ไทยเรื่องแรกที่สร้างรายได้มากที่สุดในเกาหลีใต้ ร่างทรง เป็นเรื่องราวของการสืบทอดทายาทของครอบครัวที่เป็น ร่างทรงย่าบาหยัน แต่คนในครอบครัวไม่มีใครอยากรับช่วงต่อ ก่อนที่จะนำมาสู่ความสยองขวัญในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สามารถหยิบยกความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คนในสังคมสะท้อนความเชื่อที่ว่า ผีมีจริงหรือ? แม้ในปัจจุบันจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่ก็ทำให้หลายคนเชื่อว่า ผีมีจริง โดยเฉพาะคนทรงเจ้าส่วนใหญ่จะเป็นร่างทรงให้กับเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนให้ความเคารพนับถือ แต่ก็มีบ้างที่ทำเอาความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คนหมดไปกับการทรงเจ้าไร้สาระ ไม่ว่าจะเป็นร่างทรงพะยูน ร่างทรงตัวการ์ตูนต่าง ๆ จนกลายเป็นเรื่องตลกขบขันของคนในสังคมไป หากใครเจอร่างทรงดังกล่าวควรใช้วิจารณญาณและมีสติทุกครั้ง โดยเฉพาะพวกมิจฉาชีพที่แอบอ้างสามารถช่วยสะเดาะเคราะห์ แก้ไขปัญหาติดขัดในชีวิตได้ แต่ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงหรือแม้แต่การเสียตัวในเชิงชู้สาวก็มีให้เห็นตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ที่ผ่านมา ทำอย่างไรจึงจะไม่เสียรู้ร่างทรงมิจฉาชีพ ร่างทรงที่ดีไม่อวดอุตริ แสดงพลังอภินิหาร ค่าครูต้องไม่สูง เพราะหากต้องการช่วยเหลือมนุษย์จริง ควรช่วยด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ หากมีการเชื้อเชิญให้มาทำพิธีแบบ 2 : 2 ควรหลีกเลี่ยง หรือเวลาไปตำหนักควรมีเพื่อนไปด้วยทุกครั้ง …

Telehealth ทางเลือกใหม่รักษาโรคทางไกลฝ่าโควิด

Telehealth

ช่วงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 โรคพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ กลายเป็นสถานที่เสี่ยงติดเชื้อโรคอันตรายที่ไม่มีใครอยากเยี่ยมกรายเข้าไป แต่วันดีคืนดีเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย มีโรคประจำตัวต้องปรึกษาแพทย์ทำอย่างไร “Telehealth” เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาเป็นคำตอบด้านบริการสุขภาพซึ่งให้ความอุ่นใจกับผู้ป่วย สามารถปรึกษากับแพทย์โดยตรง ไม่ต้องเดินทางออกไปเสี่ยงนอกบ้าน คำว่า Telehealth แตกต่างจาก Telemedicine แต่มีความเกี่ยวข้องกัน โดย Telehealth คือเทคโนโลยีระบบการสื่อสารที่ใช้ในทางการแพทย์ ส่วน Telemedicine เป็นระบบบริการด้านสุขภาพที่ผู้ป่วยปรึกษาและรักษากับแพทย์ได้โดยตรงผ่านเทคโนโลยีการสื่อสาร โดยบุคลากรทางการแพทย์ใช้เทคโนโลยีการประชุมจอภาพเพื่อทำการวินิจฉัยโรคและรักษาโรคให้กับผู้ป่วยโดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล หมดปัญหาเรื่องเวลาและสถานที่ไม่เอื้ออำนวย บริการระบบแพทย์ทางไกลเกิดขึ้นในต่างประเทศมานานแล้ว แต่ปัจจุบันเริ่มแพร่หลายในเมืองไทยมากขึ้นซึ่งเป็นผลลัพธ์ด้านบวกจากสถานการณ์โควิดกระตุ้นให้สถานพยาบาลจำนวนมากให้บริการสุขภาพทางไกลมากขึ้น ทั้งการรักษาโรคทางกายทั่วไปและผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิต สามารถติดต่อที่ปรึกษาออนไลน์เพื่อขอคำแนะนำและการสนับสนุนได้ แน่นอนว่าระบบแพทย์ทางไกลมาพร้อมกับ Telehealth เป็นนวัตกรรมอุปกรณ์ตรวจสอบสุขภาพทางไกลซึ่งส่วนใหญ่ใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพของผู้ป่วย ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคและทำการรักษาได้แบบไม่สัมผัส ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับสถานการณ์และวิถีชีวิตในยุคโควิด ทำให้แพทย์ติดตามผลการรักษาและคาดการณ์ภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดกับผู้ป่วยได้ เช่น อาการเบาหวาน ภาวะหัวใจ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการสัมผัสและการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น หุ่นยนต์ผ่าตัดที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อระบาดรวมถึงเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัดทำให้ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจยิ่งขึ้น อินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่มีเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนตั้งแต่การติดต่อสื่อสาร การซื้อสินค้าและบริการ การค้นข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ และทำให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการด้านสุขภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยเบาหวานใช้โทรศัพท์มือถืออัปโหลดรายการอาหาร รายการยา และระดับน้ำตาลในเลือดส่งไปยังให้พยาบาลตรวจสอบ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันการนับคาร์โบไฮเดรตลงในมือถือเพื่อติดตามพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกาย เพื่อประเมินว่าต้องการอินซูลินระดับไหน ผู้ป่วยเช็กผลทดสอบเลือดได้ผ่านระบบออนไลน์ นัดหมายกับแพทย์ และรับใบสั่งยาทางอีเมล จากนั้นสั่งซื้อยาหรืออุปกรณ์ทดสอบผ่านทางออนไลน์ได้ทันที …

5 โรคยอดฮิตที่มาพร้อมพฤติกรรมติดสมาร์ตโฟน

5 โรคยอดฮิตที่มาพร้อมพฤติกรรมติดสมาร์ตโฟน

ต้องยอมรับเลยว่าปัจจุบันสมาร์ตโฟนกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่ไม่ว่าใครก็ขาดไม่ได้ เพราะสมาร์ตโฟนถูกพัฒนาให้ทำได้มากกว่าการโทรติดต่อสื่อสาร แต่ยังสามารถพูดคุยผ่านแชท อีเมล ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ดูหนัง ฟังเพลง ท่องโลกโซเชียลมีเดีย ฯลฯ นั่นทำให้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ใคร ๆ ต่างก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาใช้งานเสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าแม้สมาร์ตโฟนจะช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตมากเท่าไหร่ แต่สมาร์ตโฟนก็ก่อให้เกิดผลเสียได้ โดยเฉพาะผู้ใช้สมาร์ตโฟนต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยพฤติกรรมก้มหน้าเล่นสมาร์ตโฟนเป็นต้นเหตุของโรคหลายอย่างที่อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพในอนาคต 5 โรคยอดฮิตที่มาพร้อมพฤติกรรมติดสมาร์ตโฟน 1. โรควุ้นในตาเสื่อม สำหรับคนทำงาน เชื่อว่าแต่ละวันจำเป็นต้องใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์มากพออยู่แล้ว ยิ่งหากมีพฤติกรรมเสพติดสมาร์ตโฟนจะยิ่งทำให้สายตาทำงานหนัก โดยเฉพาะการปิดไฟเล่นโทรศัพท์มือถือบ่อย ๆ ที่ในระยะยาวจะทำให้ดวงตาเริ่มพร่ามัว มองเห็นเป็นจุด ๆ หรือรู้สึกว่ามีหยากไย่ในตา แนะนำให้พักสายตาทุก 20-30 นาที เพื่อเลี่ยงโรคดังกล่าว 2. โรคนิ้วล็อก การกดสมาร์ตโฟนบ่อย ๆ ส่งผลให้เอ็นบริเวณนิ้วเกิดอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะบริเวณนิ้วโป้งเพราะเป็นนิ้วที่ต้องงอติดต่อเป็นเวลานาน ทำให้นิ้วเกิดอาการบวมจนเป็นสาเหตุทำให้นิ้วล็อก ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รักษาหรือไม่เลิกพฤติกรรมดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาบริเวณนิ้วมือในระยะยาว 3. โรคนอนไม่หลับ โรคนอนไม่หลับ ไม่ได้เกิดจากความเครียดหรือความวิตกกังวลเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการติดสมาร์ตโฟน เนื่องจากแสงหน้าจอจะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่ส่งผลต่อการนอนหลับ จึงเป็นสาเหตุให้หลับยากหรือนอนหลับไม่สนิท 4. โรคซึมเศร้า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการติดสมาร์ตโฟนจะทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ สาเหตุหลักคือการท่องโลกโซเชียลมีเดียมากเกินไปจนทำให้เกิดการเปรียบเทียบชีวิตคนอื่นกับชีวิตตนเองที่อาจไม่สวยหรูเท่า จนทำให้เกิดความวิตกกังวล …

4 เหตุการณ์สำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ที่ต้องรู้

4 เหตุการณ์สำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ที่ต้องรู้

ประวัติศาสตร์ถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สำคัญที่ควรจดจำ สิ่งที่ผ่านมาแล้วล้วนบอกเล่าถึงวิถีชีวิต สภาพการณ์ เรื่องราวตามยุคสมัยที่คนรุ่นหลังควรศึกษาและเรียนรู้ เพื่อประยุกต์กับการบริหารจัดการชีวิตและสังคมในยุคปัจจุบันได้อย่างดียิ่งขึ้น และหากเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำรอย ก็จะได้เป็นบทเรียนที่ต้องระมัดระวังต่อไป ซึ่ง 4 เหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์  1.สงครามเก้าทัพ พ.ศ. 2328 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่หนึ่ง) ได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น หลังจากนั้นสามปีก็มีสงครามเก้าทัพ ซึ่งนำทัพโดยพระเจ้าปะดุง-กษัตริย์ของประเทศพม่าพร้อมด้วยกำลังพล 144,000 คนโดยประมาณ ทั้งยังแบ่งกองทัพออกเป็น 9 ทัพ เพื่อเข้าโจมตีสยามเนื่องจากพระเจ้าปะดุง กษัตริย์ของประเทศพม่าหมายปองจะตีกรุงสยามให้แตกชิงกรุงรัตนโกสินทร์ในช่วงที่ยังไม่มั่นคงมาเป็นของตน จึงเป็นศึกที่ยาวนานที่ต้องอาศัยกำลังกายกำลังใจของไพร่พลอย่างยิ่ง เพราะหากสยามพ่ายสงครามเก้าทัพนี้ อนาคตของสยามคงยากที่จะฟื้นฟูกลับมาได้อีก 2.สนธิสัญญาเบาว์ริง พ.ศ. 2398 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีความปรารถนาอยากจะให้ประเทศไทยเปิดกว้างเข้าสู่สังคมนานาชาติ ตลอดจนมีการเจริญสัมพันธไมตรีค้าขายกับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้การทำสนธิสัญญาเบาว์ริงในปี พ.ศ. 2398 กับอังกฤษจึงเกิดขึ้น ซึ่งสนธิสัญญาฉบับนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจของสยามกระเตื้องขึ้นในช่วงระยะเวลานั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราอยู่ในฐานะเป็นรอง จึงทำให้ประเทศไทย (สยามในขณะนั้น) เสียสิทธิ์ในการเก็บภาษีขาเข้า อีกทั้งยังเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตด้วย 3.วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งในวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงของไทย เนื่องจากวิกฤตการณ์ ร.ศ 112 มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ฝรั่งเศสลอบโจมตีป้อมและเรือรบในเขตปากน้ำเจ้าพระยา จากนั้นในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสก็ประกาศปิดอ่าวไทย พร้อมยื่นข้อเรียกร้องให้ประเทศไทยยอมเสียดินแดนในฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งมีประเทศเวียดนามและเขมร พร้อมเงินจำนวน 3,000,000 ฟรังก์ให้แก่ฝรั่งเศส ซึ่งฝรั่งเศสไม่หยุดเพียงเท่านี้ ยังหวังจะครอบครองประเทศลาวและช่วงชิงเอกราชของไทย เพื่อให้ได้แม่น้ำโขงเส้นทางไปสู่ประเทศจีน เหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ห้า ทรงมอบเงินส่วนพระองค์ 10,000 ชั่ง สำหรับสร้างป้อมและซื้ออาวุธป้องกันประเทศเพื่อรักษาเอกราชให้ยังคงอยู่สืบไป 4.สงครามโลกครั้งที่ 2 …

ข้อดีของการปลูกพืชผักเป็นสวนอาหารในบ้าน

ข้อดีของการปลูกพืชผักเป็นสวนอาหารในบ้าน

พืชผักหลายชนิดปลูกกินเองที่บ้านได้ หากมีพื้นที่เล็ก ๆ ภายในบ้านอย่าปล่อยทิ้งไว้เปล่าประโยชน์ ลองพรวนดินทำแปลงผักหรือโรยเมล็ดพืชลงกระถางปลูกอาหารด้วยตัวเอง มาดูกันว่าการปลูกพืชผักสมุนไพรมีประโยชน์ด้านใดบ้าง 1.ผักปลอดสาร อุดมวิตามินและแร่ธาตุเพียงพอกับความต้องการการปลูกผักด้วยตัวเองทำให้ควบคุมคุณภาพของอาหารที่กินได้ เพราะเป็นคนรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และไม่ใช้ยาฆ่าแมลงชนิดใด ปลูกในภาชนะที่ย้ายไปตามแสงแดดได้ รวมทั้งเลือกว่าจะปลูกแบบออร์แกนิกหรือปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์โดยไม่ใช้ดินทำให้ควบคุมวัชพืชและศัตรูพืชได้ง่ายขึ้น เด็ดรับประทานกันแบบสด ๆ อร่อยที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น 2.ใช้วัตถุดิบสดใหม่ปรุงอาหารแต่ละมื้ออาหารสดใหม่มีคุณภาพดีที่สุด ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าพืชผักที่เก็บมาสด ๆ จากต้น บนโต๊ะอาหารจะมีความหลากหลายและดีต่อสุขภาพมากขึ้น พืชผักอุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ความสดทำให้ผักมีความกรอบรสชาติดี คุณค่าทางโภชนาการสูง หากเป็นผักที่ซื้อจากตลาดหรือเก็บไว้นานจะสูญเสียความชื้นและคุณค่าของสารอาหารลดลง ถ้าลองได้ปลูกผักและเก็บเกี่ยวด้วยตัวเองจะรู้ได้เลยว่าสดอร่อยแค่ไหน 3.ทำสวนเป็นงานอดิเรก ดีต่อสุขภาพปลูกผักกินเองไม่ยากอย่างที่คิด ลองหาเวลาปลูกต้นกล้าผักที่ปลูกง่าย ๆ ดูแลไม่ยาก ช่วยกันจัดสวน ไปจนถึงทำสลัดผักและอาหารหลายเมนู สนุกกับการออกไปข้างนอกรับอากาศบริสุทธิ์ ออกกำลังกายรับแสงแดดทำให้ร่างกายแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ลดความเครียดได้ เหมาะกับทุกคนในครอบครัว รดน้ำดูแลสวนใช้เวลาประมาณ 30 นาทีทุกวันช่วยให้นอนหลับสนิทดีขึ้น 4.ปลูกผักสวนครัวสวย ๆ ทำให้บ้านน่าอยู่สวนผักปลอดสารพิษสวยงามออกดอกและผลดึงดูดแมลงบินมาตอมและผสมเกสร สร้างสีสันเติมความมีชีวิตชีวาให้บ้านน่าอยู่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรรที่มีพื้นที่ข้างบ้านค่อนข้างแคบทำแปลงผักแนวยาวเลาะไปตามรั้วและกำแพงได้ หรือทาวน์เฮาส์พื้นที่จำกัดจัดแต่งมุมสวนครัวเล็ก ๆ มีพื้นที่รับแสงแดดพอประมาณทำให้พืชผักงอกงามและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 5.ประหยัดค่าใช้จ่ายหลายด้านการปลูกผักเองทำให้ประหยัดเงินค่าอาหารเหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่พอสมควร ต้องการใช้วัตถุดิบเท่าไรเก็บเกี่ยวเท่านั้น ไม่ต้องซื้อมาเก็บในตู้เย็นซึ่งหลายครั้งที่ใช้ไม่หมดเก็บไว้นานจนเน่าเสีย นอกจากผักผลไม้ปลูกเองมีต้นทุนถูกกว่าซื้อในร้านขายของชำหรือซูเปอร์มาเก็ตแล้ว …

รู้หรือยัง กินกล้วยมากเกินไปอันตรายต่อสุขภาพ

รู้หรือยัง กินกล้วยมากเกินไปอันตรายต่อสุขภาพ

กล้วยเป็นผลไม้ที่หลายคนชื่นชอบ กินง่ายถ่ายคล่องเหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก ลดความดันโลหิตสูง ขจัดความเครียด แก้ท้องผูกท้องเสีย บำรุงเหงือกและฟัน ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางอีกด้วย กินกล้วยเป็นประจำดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เหมือนกัน กล้วยเป็นอาหารเสริมที่ดีต่อสุขภาพ อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส สารเบต้าแคโรทีน วิตามินซีสูง และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ทราบหรือไม่ว่ากินกล้วยมากเกินไปเกิดผลเสียอย่างไรบ้าง 1.กินกล้วยก่อนมื้ออาหารช่วยให้อิ่มท้องและควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น แต่กล้วยมีคาร์โบไฮเดรต หากกินมากเกินไปทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น อันตรายสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ถ้างดมื้ออาหารกินกล้วยแทนข้าวย่อมเกิดผลเสีย สารอาหารในร่างกายไม่สมดุล ร่างกายคนเราต้องการอาหารหลากหลายประเภทในแต่ละวันเพื่อให้มีสุขภาพดีและร่างกายแข็งแรง แนะนำให้บริโภคพอเหมาะ 1-2 ผลต่อวัน 2.กินกล้วยช่วยในการขับถ่าย มีประโยชน์ต่อลำไส้และทางเดินอาหาร กล้วยสุกช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ ในทางกลับกันถ้ากินกล้วยห่ามอาจทำให้ท้องผูก เนื่องจากกล้วยมีเส้นใยที่ละลายน้ำได้และฟรุกโตสที่มีความเข้มข้นสูง ถ้ากินกล้วยมากมีไฟเบอร์มากเกินไป ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบย่อยอาหาร เกิดอาการอืดแน่นท้องทำให้ปวดท้องเพราะมีก๊าซในกระเพาะอาหารหรือลำไส้มากเกินไป 3.กล้วยมีสารบางอย่างที่ยับยั้งการทำงานหรือลดการดูดซึมของยารักษาโรคเข้าสู่กระแสเลือดและร่างกาย สำหรับผู้ที่รับประทานยาบางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่ารับประทานกล้วยได้หรือไม่ 4.ยางกล้วยมีสารเพคตินช่วยรักษาแผลในปาก และเคลือบกระเพาะอาหารป้องกันโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน อย่างไรก็ดี บางคนแพ้สารเคมีในกล้วยหรือแพ้ยางธรรมชาติอาจเกิดปฏิกิริยาทำให้มีอาการแพ้ หัวใจเต้นเร็วขึ้นหรือช้าลง คลื่นไส้ หายใจติดขัด อาการคันที่ผิวหนัง เป็นสัญญาณบอกเหตุว่ามีอาการแพ้กล้วยรุนแรงและควรหยุดกินทันที นอกจากนี้การบริโภคกล้วยมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะแพ้อาจรุนแรงเป็นเหตุให้หัวใจวายได้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้หรือมีปัญหาระบบทางเดินหายใจไม่ควรกินกล้วย 5.กินกล้วยบ่อยหรือมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากและทำให้ฟันผุ เพราะกล้วยมีแป้งและน้ำตาลกรูโคสและฟรุกโตสซึ่งตกค้างบนผิวฟันเป็นอาหารโปรดของแบคทีเรียทำให้ฟันผุ …

5 วิธีช่วยทำให้คุณบริหารเวลาได้ดีขึ้น

5 วิธีช่วยทำให้คุณบริหารเวลาได้ดีขึ้น

การบริหารเวลา มีความสำคัญอย่างมากกับคนในทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะผู้ที่ไขว่คว้าหาความสำเร็จ ถ้าต้องการทำให้ทุกนาทีถูกใช้ไปอย่างเป็นประโยชน์ คุณควรใช้วิธีช่วยทำให้สามารถจัดการกับเวลาของตัวเองได้ดีมากขึ้น ดังนั้นจึงขอแนะนำ 5 วิธีดังต่อไปนี้ 1.ทำตารางชีวิตการจัดตารางเวลาให้เป็นจะช่วยทำให้คุณสามารถเข้าใจถึงการบริหารเวลาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้คุณจัดตารางตั้งแต่ช่วงเช้ามาจนถึงช่วงก่อนนอน พร้อมระบุเวลาต่าง ๆ ไว้ให้ชัดเจนที่สุด มีการทำทุกกิจกรรมอย่างเคร่งครัด ห้ามเกินเวลาไปมากกว่าที่จัดตารางไว้ แต่ถ้าต้องเกินด้วยเหตุจำเป็นควรเกินไปเพียงแค่ 5-10 นาที เพื่อจะไม่ไปเบียดเวลาของการทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป 2.ทำทุกกิจกรรมอย่างตรงเวลาเมื่อมีตารางเวลาที่ชัดเจนแล้ว ควรบังคับตัวเองให้ทำทุกกิจกรรมอย่างตรงเวลามากที่สุด ไม่ควรกินเวลาของช่วงอื่น ๆ เพราะจะทำให้ชีวิตของคุณกลายเป็นคนผัดวันประกันพรุ่งได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องทำตามตารางอย่างเคร่งครัดที่สุด ถ้าภายในวันนี้ทำไม่ทัน​ ก็ให้คุณเพิ่มเวลาในวันต่อไปให้มากขึ้น แล้วจัดตารางให้ถูกต้องไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถวางแผนเรื่องกิจกรรมต่าง ๆ ให้เสร็จตรงตามเวลาได้ง่ายกว่าเดิม 3.กิจกรรมยามเช้าสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จแล้วจะมองว่ากิจกรรมในยามเช้ามีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายจะตื่นตัวและสามารถรับข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ถ้ากิจกรรมยามเช้าดีย่อมทำให้สมองสดใสและร่างกายแข็งแรงตลอดทั้งวัน ดังนั้นคุณจึงควรจัดตารางเวลาช่วงเช้าไว้รอ เช่น การอาบน้ำ, ออกกำลังกาย, การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, การนั่งพัก, การอ่านหนังสือ หรือการฟังเพลงที่ทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด 4.เตรียมพร้อมก่อนทำจริงสำหรับผู้ที่บริหารเวลาเป็นและมีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จ มักจะเตรียมพร้อมในทุก ๆ เรื่องก่อนการทำจริงในวันต่อไปเสมอ เช่น การจัดตารางเวลา, การเตรียมอาหารเช้า, การเตรียมเสื้อผ้า …

พักผ่อนเต็มอิ่มด้วย 5 เทคนิคผ่อนคลายความเครียดช่วงก่อนนอน

พักผ่อนเต็มอิ่มด้วย 5 เทคนิคผ่อนคลายความเครียดช่วงก่อนนอน

เชื่อว่าหลายคนน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า อาการนอนไม่หลับส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ความจำสั้น และไม่มีสมาธิ สำหรับสาเหตุยอดนิยมที่ทำให้คนนอนไม่หลับ ได้แก่ ปัญหาความเครียด เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่าจะมีวิธีอะไรที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดช่วงก่อนนอนได้เป็นอย่างดีบ้าง 5 เทคนิคผ่อนคลายความเครียดช่วงเวลาก่อนนอน 1.กำหนดลมหายใจการกำหนดลมหายใจถือเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่นั่งสมาธิเป็นประจำอยู่แล้ว โดยการกำหนดลมหายใจคือการหายใจเข้าและออกอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้จิตใจจดจ่อกับลมหายใจ ทำให้มีสมาธิมากขึ้น ส่งผลให้อาการกังวลเรื่องต่าง ๆ น้อยลง หรือบางคนอาจใช้วิธีสวดมนต์ก็ได้เช่นกัน เพราะการสวดมนต์ทำให้จดจ่อกับบทสวด ซึ่งจะทำให้จิตใจผ่อนคลายและมีสมาธิ 2.จิบน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นเป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำผึ้งธรรมชาติอัดแน่นด้วยประโยชน์มากมาย การผสมน้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชากับน้ำอุ่นและดื่มก่อนนอนจะช่วยคลายความเครียดได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะน้ำผึ้งจะทำหน้าที่กระตุ้นสมองให้หลั่งสารซีโรโทนินออกมา ส่งผลให้สมองผ่อนคลายจากเรื่องราวน่าปวดหัวได้เป็นอย่างดี 3.แช่น้ำอุ่นบ้านใครมีอ่างอาบน้ำแนะนำให้ใช้วิธีนี้เลย เพราะน้ำอุ่นจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และทำให้รู้สึกสบายตัวรวมถึงสบายใจยิ่งขึ้น โดยควรใช้เวลาแช่น้ำอุ่นประมาณ 20-30 นาที หากเป็นไปได้อย่าลืมเลือกครีมอาบน้ำกลิ่นที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย เพื่อความสบายมากยิ่งขึ้น 4.เปิดเพลงคลอเบา ๆเสียงเพลงนับเป็นตัวช่วยชั้นยอดสำหรับคนที่อยากหลับง่ายและต้องการผ่อนคลายความเครียดช่วงก่อนนอน ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลงประเภทใดก็ฟังได้หากเป็นเพลงที่ชื่นชอบและฟังแล้วสบายใจ แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้เป็นเพลงบรรเลงและหลีกเลี่ยงบทเพลงเร็วหรือบทเพลงจังหวะหนัก ๆ เพราะอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวจนนอนไม่หลับก็เป็นได้ 5.เลือกใช้น้ำมันหอมระเหยตัวช่วยชั้นดีที่หลายคนนิยมนำมาใช้บำบัดจิตใจช่วงก่อนนอน ใช้งานง่ายเพียงจุด หยด หรือฉีดให้ฟุ้งในอากาศ สำหรับกลิ่นที่ออกแบบมาเพื่อการนอนหลับสบายคลายเครียด ขอแนะนำกลิ่นลาเวนเดอร์ ตัวช่วยให้ร่างกายและจิตใจสงบนิ่ง ลดความกังวล กลิ่นยูคาลิปตัส เพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย เพิ่มความสดชื่นให้แก่ห้อง …